ตัวตนและภาพลักษณ์ ของ จาง จงชาง

คุณบอกให้ผมไปทำอย่าง
เขาบอกให้ผมไปทำอีกอย่าง
พวกเอ็งมันสารเลวกันทั้งหมด
ไปเย็ดแม่เอ็งซะ

"บทกวีว่าด้วยพวกสารเลว" โดย จาง จงชาง[lower-alpha 1]

จาง จงชาง เป็นหนึ่งในขุนศึกที่มีชื่อเสียงในทางเลวร้ายและเป็นที่รู้จักที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน[3] ตำนานล้อเลียนและชีวประวัติจริงของเขาแยกออกจากกันได้ยาก[4] นักวิจัย แม็ทธิว อาร์ พอร์ตวู้ด (Matthew R. Portwood) และ จอห์น พี ดัน (John P. Dunn) ระบุว่าคู่ต่อสู้ของเขามักบรรยายถึงจางในรูป "ภาพจำของความชั่วร้ายและความโลภ" ("a poster boy for evil and avarice")[4] นักประวัติศาสตร์ อาร์เธอร์ วอลดรอน ระบุว่าในบรรดาขุนศึกทั้งหมดในสมัยนั้น จางเป็นคนที่ "น่าจะเป็นคนเดียวที่ถูกมองหยามมากที่สุด"[5] คู่ต่อสู้ของเขาระบุว่าพฤติกรรมของจางนั้น "โหดร้ายทารุณแบบไม่มีสมอง" ("mindlessly brutal") ในระหว่างการยุทธ์[6] และเขายัง "มีร่างกายอย่างช้าง สมองอย่างหมู และอารมณ์รุนแรงอย่างเสือ"[7] จางเป็นที่รู้จักในทางไม่ดีจากงานอดิเรกของเขาซึ่งเขาใช้ดาบฟันกะโหลกของนักโทษให้แตกเป็นส่วน ๆ และจับผู้เห็นต่างแขวนคอจากเสาโทรศัพท์[8][9] แม้จะมีชื่อเสียงในทางลบ แต่จางก็เป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลที่ชอบเข้าสังคม มีเสน่ห์ และให้ความเคารพแก่กองพลของตนและผู้สนับสนุน[10][11] รวมถึงมีบรรยายไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีความกล้า[9] และเป็น "คนกระหายสงคราม"[12] แม้จะมีผู้ระบุว่าเขาเป็นหนึ่งในนายพลที่มีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งในบรรดาขุนศึกจีน แต่ข้อเสนอนี้ก็ถูกวิจารณ์และปฏิเสธ[5]

จางชอบที่จะโอ้อวดขนาดจู๋ของตนเอง ข้อเท็จจริงนี้กลายมาเป็นหนึ่งในตำนานสืบทอดของเขา[8][13] เขาเป็น "ชายเจ้าชู้เลื่องชื่อ"[14] และมีคู่ครองหลายคน[15] ในยามที่เขาเรืองอำนาจสูงสุด เขามีนางสนมอยู่ 30-50 คนจากชาติต่าง ๆ แต่ละคนมีหมายเลขประจำตัว เพราะเขาไม่สามารถจำชื่อหรือพูดภาษาของแต่ละคนได้ ไทม์ ระบุว่านางบำเรอแต่ละคนถูกบังคับตัวมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยในชานตง[1] นางบำเรอของเขามีทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลี มองโกเลีย และมีคนอเมริกันอย่างน้อยคนหนึ่ง[16] มีการบันทึกว่าจางกินเนื้อหมาเชาเชาสีดำทุกวัน ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย[17]

แม้เขาจะรู้หนังสือบ้างไม่รู้บ้าง (semi-literate)[8] แต่จางก็เป็นที่รู้จักจากงานเขียนกวีของเขา แม้บทกวีเหล่านี้จะถูกมองว่าค่อนข้างห่วย บทกวีของเขา เช่น บทกวีว่าด้วยพวกสารเลว ("Poem about bastards"), บทกวีทะเลต้าหมิง ("Daming Lake poem"), บทกวีการเดินทางไปยังศาลาเผิงไหล ("Visiting Penglai Pavilion") และ บทกวีขอฝน ("Pray for Rain") แหล่งข้อมูลบางแหล่งเชื่อว่าบทกวีเหล่านี้สร้างขึ้นมาโดยคู่แข่งทางการเมืองของเขาเพื่อทำให้จางเสื่อมเสียชื่อเสียง[18] เมื่อถามว่าเขามีการศึกษาหรือไม่ เขามักจะตอบว่าเขาจบมาจาก "วิทยาลัยของป่าไม้สีเขียวขจี" (ซึ่งคือ วิชาการเป็นโจร)[8]

แหล่งที่มา

WikiPedia: จาง จงชาง https://time.com/vault/issue/1927-03-07/page/21/ https://web.archive.org/web/20230807161101/https:/... https://www.thenewslens.com/article/99950 https://wfpp.columbia.edu/pioneer/yang-naimei/ https://web.archive.org/web/20190507232018/http://... http://www.sohu.com/a/160378922_383724 https://books.google.com/books?id=CUcdH6opOlcC https://books.google.com/books?id=PNJOxyP0SqEC&q=a... https://books.google.com/books?id=SWkuWkl3VC8C https://books.google.com/books?id=VTslDQAAQBAJ&pg=...